ผ้าไทย
ผ้าไทย คือผ้าทอมือที่มีการผลิตในประเทศไทย โดยมีเอกลักษณ์เฉพาะในแต่ละท้องถิ่น ประวัติผ้าไทยไม่ปรากฏในหลักฐานทางประวัติศาสตร์มากนัก เนื่องจากมีการให้ความสำคัญในด้านอื่นๆ มากกว่า แต่เราพอจะสืบหาประวัติของผ้าไทยในสมัยก่อนได้บ้างจากวรรณคดี จิตรกรรมฝาผนัง และมรดกศิลปะที่คงเหลืออยู่ในบางท้องถิ่น
ผ้ากรองทอง
|
ผ้ากรองทอง
เป็นผ้าที่ถักด้วยแล่งเงิน หรือแล่งทอง ถักให้เป็นลวดลายต่อกันเป็นผืน ส่วนมากนำมาทำเป็นผ้าสไบ ใช้ห่มทับลงบนผ้าแถบ และผ้าสไบอีกทีหนึ่ง
มักใช้แต่เฉพาะเจ้านายผู้หญิงชั้นสูง มีขนาดกว้างยาวเท่ากับผ้าสใบ ชายผ้าด้านกว้างปล่อยเป็นชายครุย
เมื่อต้องการให้ผ้ากรองทองมีความงดงามเพิ่มมากขึ้น นิยมนำปีกแมลงทับมาตัดเป็นชิ้นเล็กๆ
เหมือนรูปใบไม้ และปักลงไปบนผ้ากรองทอง ในตำแหน่งที่คิดว่า จะสมมุติเป็นลายใบไม้ |
ผ้าเกี้ยว
ผ้าคาดเอว มีทั้งผ้าลายพิมพ์ ผ้าไหม ฯลฯ
| |
ผ้าขาวม้า
เดิมเรียก ผ้ากำม้า เป็นผ้าประจำตัวของผู้ชาย ใช้เป็นทั้งผ้านุ่ง ผ้าเช็ดตัว ผ้าเคียนพุง
และผ้าพาดไหล่ เป็นผ้าฝ้ายผืนยาวทอเป็นลายตาตาราง | |
ผ้าเขียนทอง
ผ้าพิมพ์ลายอย่างดี เน้นลวดลาย เพิ่มความสวยงาม ด้วยการเขียนเส้นทองตามขอบลาย
ผ้านี้เกิดขึ้นครั้งแรก สมัยรัชกาลที่ ๑ และใช้ได้เฉพาะพระมหากษัตริย์ลงมาถึงชั้นพระองค์เจ้าโดยกำเนิดเท่านั้น | |
ผ้าตาโถง
|
ผ้าตาโถง
ผ้าลายตาสี่เหลี่ยม หรือลายตาทแยงใช้เป็นผ้านุ่งของผู้ชายคล้ายผ้าโสร่ง
|
ผ้าตามะกล่ำ ผ้าตาเล็ดงา ผ้าตาสมุก
ผ้าฝ้าย สีคล้ำมีลายเล็กๆ ใช้เป็นผ้านุ่ง
| |
ผ้าบัวปอก
ผ้าฝ้ายเนื้อหยาบ ชาวบ้านใช้ โดยเฉพาะผู้หญิงใช้เป็นผ้านุ่ง
| |
ผ้าปักไหม
เป็นผ้าที่ใช้กันในบรรดาเจ้านายชั้นสูง มีทั้งผ้านุ่ง ผ้าห่ม ซึ่งใช้ห่มทับสไบ
ผ้าปูลาด และผ้าห่อเครื่องทรง ส่วนมากใช้ผ้าไหมพื้นเนื้อดี ปักลวดลายด้วยไหมสีต่างๆ ทั้งผืน การปักไหมนี้ ถ้าใช้ไหมสีทองมากก็เรียกว่า ผ้าปักไหมทอง | |
ผ้าปูม (มัดหมี่)
ผ้าปูม หรือปัจจุบันทราบกันในชื่อมัดหมี่ ในประเทศไทยมีผลิตมาก ทั้งผ้าไหม และผ้าฝ้าย
โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือส่วนล่างแทบทุกจังหวัด
ผ้าปูมนี้เดิมเป็นผ้าส่วยของหลวงมาจากเมืองเขมร
ที่ใช้พระราชทานเป็นเครื่องยศขุนนาง เดิมไทยเรามีโรงไหมของหลวงทอผ้าสมปักปูม และสมปักเชิงกรวยพระราชทาน ทอด้วยไหมเพลาะ กลางผืนผ้าเป็นลายสีต่างๆ ใช้ตามยศตามเหล่า มีสมปักปูมเป็นชนิดสูงสุด สมปักริ้วเป็นชนิดต่ำสุด ดังนั้นผ้าปูมคงหมายถึง เฉพาะผ้าสมปักปูมนั่นเอง อันเป็นของหายากมาก
ลักษณะการทอ และรูปแบบของผ้ามัดหมี่นี้พบว่า เป็นเทคนิคที่มีอยู่ทั่วโลก
ในประเทศที่มีอารยธรรมโบราณ ไม่ว่าจะเป็นประเทศในทวีปเอเชีย ทั้งจีน อินเดีย อินโดนิเซีย หรือในทวีปยุโรป และแอฟริกาด้วย ซึ่งจัดเป็นเทคนิคที่มีต้นกำเนิดที่น่าสนใจยิ่ง | |
ผ้าที่ทอจากใยที่ทำจากเปลือกไม้
|
ผ้าเปลือกไม้
เป็นผ้าที่ทอจากใย ที่ทำจากเปลือกไม้ ซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์
และเข้าใจว่า คงจะทอใช้เรื่อยมาจนครั้งรัชกาลที่ ๑ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ส่วนมากพวกนักพรตใช้นุ่งห่มคล้ายกับผ้าคากรอง |
ผ้าพิพม์ลายกรวยเชิง
|
ผ้าพิมพ์
ในสมัยอยุธยา เรามีช่างผลิตหรือเขียนลายบนผ้าอยู่แถววัดขุนพรหม
และน่าจะมีการสั่งทำจากอินเดียด้วย ในสมัยรัตนโกสินทร์มีหลักฐานว่า สั่งทำผ้าพิมพ์ หรือผ้าลายจากอินเดีย ตามแบบลายไทยที่สั่งไป เช่น ลายพุ่มข้าวบิณฑ์พรหมก้านแย่ง เทพนมก้านแย่ง และกินรีรำเป็นต้น เรียกว่า ลายอย่าง ต่อมาทางอินเดียคิดทำผ้าพิมพ์เอง โดยเขียนขึ้นตามลายไทย เพื่อส่งมาขายในอยุธยา แต่ลายที่อินเดียเขียนขึ้นนั้น เป็นลายแปลงของอินเดียผสมลายไทย เรียกลายนอกอย่าง |
ผ้ายกดิ้นทอง
|
ผ้ายก
ไทยเราผลิตผ้ายกได้ดี ทั้งยกไหม และยกดิ้น ปรากฎทั้งในภาคเหนือ
เช่น เชียงใหม่ ลำพูน และในภาคใต้ เช่น ที่นครศรีธรรมราช และที่พุมเรียง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี คำว่า ยก มาจากการเรียกกระบวนทอ เวลาทอเส้นด้ายหรือไหม ที่เชิดขึ้น เรียกว่า เส้นยก เส้นด้ายหรือไหม ที่จมลงเรียกว่า เส้นข่ม แล้วพุ่งกระสวยไปในระหว่างกลาง ถ้าจะให้เป็นลาย เลือกยกเส้นข่มขึ้นบางเส้ น ก็เกิดลายยกขึ้น จึงเรียกว่า ผ้ายก |
ผ้าลาย
ถ้าหมายถึง ผ้าที่มีลวดลายแล้ว กล่าวว่า เดิมมีกระบวนการทำอยู่ ๔ วิธี
คือ ลายปัก ลายปูม ลายยก และลายพิมพ์ | |
ผ้าสมปัก
ผ้านุ่งพระราชทานให้ขุนนางตามตำแหน่ง ใช้เป็นเครื่องแบบมาก่อน
สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ จะใช้เฉพาะในเวลาเข้าเฝ้า หรือในพระราชพิธี เป็นผ้าทอด้วยไหมเพลาะ กลางผืนผ้าเป็นสีและลายต่างๆ สมปักมีหลายชนิด ได้แก่ "สมปักปูม" ถือว่า เป็นชนิดดีที่สุด "สมปักล่องจวน" เป็นสมปักที่ทอเป็นรอยยาว เป็นสมปักชนิดท้องพื้นมีเชิงลาย นอกจากนี้มี "สมปักลาย" และ "สมปักริ้ว"ซึ่งเป็นผ้าสามัญ ที่พวกเจ้ากรมปลัดกรมนุ่งเท่านั้น มิใช่เป็นของพวกขุนนางชั้นผู้ใหญ่ | |
ผ้าสมรด หรือสำรด
|
ผ้าสมรดหรือสำรด
เป็นผ้าคาดทับเสื้อครุยในงานพระราชพิธีของขุนนางชั้นสูง หรือเรียกว่
า ผ้าแฝง ทำด้วยไหมทองถักโปร่งๆ บางๆ คล้ายผ้ากรองทอ ง แต่โปร่งและบางกว่ามาก บางทีหมายถึง ผ้าคาดเอว ที่ทำด้วยผ้าตาดทองปักดิ้นปักปีกแมลงทับ เป็นลวดลายดอกไม้เครือเถา เดิมก่อนรัชกาลที่ ๕ ไม่มีการแต่งกายไว้ทุกข์ด้วยสีดำ ในงานพระเมรุใหญ่ๆ เจ้านาย และขุนนาง จึงนุ่งสมปักลายสีต่างๆ คาดทับเสื้อครุย พวกที่ไม่มีหน้าที่แห่เสด็จจะทำผ้าคาดย่อ คือ คาดแต่สมรดเป็นทีว่า ได้คาดเสื้อครุย เรียกว่า ผ้าแฝง แต่ผู้มีหน้าที่แห่เสด็จต้องคาดเสื้อครุยจริง เวลาเข้าริ้วขบวน ก็เอามาสวม แต่ถ้าอยู่นอกขบวน จะถอดเสื้อครุยออก แล้วคาดสมรด เสื้อครุยมีวิธีการใช้อยู่ ๓ วิธี คือ เวลาอยู่ในหน้าที่ จะสวมเสื้อครุยทั้งสองแขน ถ้าอยู่นอกหน้าที่ เอาออกมาม้วนคาดพุง แต่ถ้าสวมแขนเดียวอีกแขนหนึ่งพาดเฉียงบ่าแสดงว่า อยู่ในหน้าที่เข้ากรม |
ผ้าสุกุลพัสตร์
เป็นผ้าขาวเนื้อละเอียดชนิดดี มีในสมัยสุโขทัย
| |
ผ้าไหมชนิดต่างๆ : ผ้าแพรวา
|
ผ้าไหม
ผ้าอย่างดีทอด้วยไหม มีทั้งแบบเรียบ ยกดอก และเป็นลวดลาย
|
ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://kanchanapisek.or.th/kp6/sub/book/book.php?book=15&chap=5&page=t15-5-infodetail06.html
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น